เลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ในสวนไผ่ ได้ผลดี ไข่ไม่มีกลิ่นคาว ผลิตไม่ทันขาย รายได้หลักหมื่น/เดือน
เกษตรกรในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลดอนแร่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นิยมปลูกไผ่ลวกหวาน และกั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นคอกเลี้ยงไก่ไข่ ปล่อยให้ไก่ไข่ที่เลี้ยงคุ้ยเขี่ยอาหารในป่าไผ่ตามธรรมชาติ จนได้ไข่ไก่อินทรีย์ที่มีคุณภาพ ขายได้ราคาดี จนผลิตไม่พอขาย
คุณสุพจน์ สิงโตศรี ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ ตำบลดอนแร่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันทางกลุ่มมีสมาชิกหันมาเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์กันมากขึ้น เพราะมีต้นทุนต่ำ แต่ขายได้ราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป แต่ละบ้านมักเลี้ยงไก่ไข่ตั้งแต่ 100-300 ตัว การเลี้ยงในระบบนี้ ไก่ไข่จะมีอายุการเลี้ยงค่อนข้างนานกว่าไก่ไข่ที่เลี้ยงในระบบฟาร์ม ประมาณ 3-4 ปี
ไก่ไข่ที่เลี้ยงระบบอินทรีย์ในบริเวณกอไผ่จะแข็งแรง ให้ไข่คุณภาพดี เพราะไก่สามารถหากินปลวก มด แมลงที่อาศัยในร่มเงาบริเวณกอไผ่ นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถประยุกต์เลี้ยงไก่อินทรีย์ระบบนี้ ในบริเวณที่มีไม้ยืนต้นประเภทต้นตะขบ หรือผลไม้ประเภทต่างๆ ได้ เพราะไก่สามารถหากินผลไม้ที่ร่วงหล่นจากกรณีแมลงวันทองเจาะกินผลได้
โดยแนะนำให้เกษตรกรนำไก่ไข่มาเลี้ยงในอัตราส่วน 20 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร เพราะโดยธรรมชาติของ ไก่ไข่มักมีนิสัยรักอิสระ ต้องการพื้นที่เพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย สำหรับไก่ที่ปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะให้ผลผลิตไข่อยู่ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ แถมมีอายุยืนยาวกว่าไก่ไข่ทั่วไปถึง 3 เท่าตัว
ปัจจุบัน ผู้บริโภคจำนวนมากที่ใส่ใจสุขภาพหันมานิยมบริโภคไข่ไก่อินทรีย์เพิ่มมากขึ้น เพราะปลอดภัยต่อสุขภาพ มีรสชาติอร่อย เวลานำไปทอดรับประทาน ไข่ไก่จะไม่มีกลิ่นคาว แต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนรับประทานอีกต่างหาก ทำให้ผลิตสินค้าไม่ทันกับความต้องการของตลาด จึงอยากเชิญชวนให้เกษตรกรที่สนใจแบ่งพื้นที่ว่างในสวนหันมาเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ป้อนตลาดในอนาคต
นอกจากเกษตรกรจะมีรายได้จากการเก็บไข่ไก่ขายได้แล้ว ยังมีรายได้จากการขายหน่อไม้ที่ปลูกไว้อีกด้วย การเลี้ยงไก่ไข่ในสวนไผ่จะช่วยทำให้หน่อไม้เติบโตสมบูรณ์ มีขนาดหน่อใหญ่เพราะได้ปุ๋ยบำรุงดินดีจากมูลไก่ที่ถ่ายไว้ตามโคนกอไผ่ โดยไม่ต้องไปซื้อปุ๋ยบำรุงดิน ช่วยประหยัดต้นทุน เพียงแค่รดน้ำให้เกิดความชุ่มชื่น ทั้งไก่และหน่อไม้ให้อยู่ร่วมกันแบบสมดุลตามธรรมชาติ
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก 20 ตุลาคม 2016